แนวโน้มการแข่งขันในอนาคต
ในอนาคตอันใกล้นี้ ทรัพยากรมนุษย์จะกลายเป็นทรัพยากรสำคัญของการทำธุรกิจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ไม่ว่าจะเป็นมหาวิทยาลัยธุรกิจชั้นนำที่ไหนๆ ก็มักจะสอนเราว่า "ทรัพยากรมนุษย์เป็นสินทรัพย์ที่มีค่าที่สุดของบริษัท" แต่ในทางปฏิบัติจริง เราแน่ใจเพียงใดว่า เราดูแลทรัพยากรมนุษย์ของเราอย่างดีที่สุดแล้ว

หากมองในแง่วิชาการแล้ว คำตอบคือไม่ แม้แต่การศึกษาระดับปริญญาโทก็เพิ่งจะเริ่มจัดการเรียนการสอนด้านการจัดการและพัฒนา ทรัพยากรมนุษย์ขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ แสดงให้เห็นว่าเราพากันละเลยความสำคัญของทรัพยากรมนุษย์อันเป็นรากฐานความสำเร็จของบริษัท ทัศนคติในการทำธุรกิจถูกปรับเปลี่ยนเพื่อให้สอดคล้องกับโลกธุรกิจปัจจุบัน พนักงานที่ยอดเยี่ยมและมีความสามารถทั้งหลายล้วนทำงานอยู่ในสายการบัญชีและการตลาด
 

เราพบเห็นพฤติกรรมเหล่านี้ในธุรกิจทุกระดับ ผมเองโตขึ้นมากับการทำธุรกิจค้าปลีกและส่งร่วมกับพ่อของผม หลังจากพ่อตัดสินใจได้ว่าจะใช้ทำเลตรงไหน พ่อก็เริ่มกังวลว่าร้านของพ่อจะทำยอดขายไปรอดหรือไม่ จากนั้นก็คิดต่อไปว่าพ่อจะมีรายได้เท่าไร การทำบัญชีจึงเป็นคำตอบของปัญหาเหล่านี้ นักบัญชีจึงได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นที่ต้องการของผู้บริหารธุรกิจทุกราย

เมื่ออุตสาหกรรมโตขึ้น ความเข้มข้นของการแข่งขันเริ่มถ่ายโอนมาอยู่ที่การตลาดเพื่อมวลชน มากกว่าการขายสินค้าแก่ลูกค้ารายย่อย การตลาดเพื่อมวลชนจึงมีพลังมหาศาล ยุคการตลาดที่บุกเบิกโดยฟิลลิป คลอตเลอร์ นั้นคงอยู่นานเกือบ 3 ทศวรรษ เหตุที่การตลาดขยับชั้นขึ้นมาอยู่แนวหน้าเป็นเวลานานขนาดนั้น เพราะการตลาดเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ที่เกี่ยวพันกับมนุษย์มานาน กว่าจะมีศักยภาพมากมายอย่างที่เห็น ปัจจุบันเราพบผู้สำเร็จการศึกษาด้านธุรกิจจากมหาวิทยาลัย ฮาร์วาร์ด ทั่วไปหมด นักการตลาดทุกคนก็ใช้หนังสือและเทคนิคเดียวกันในการแข่งขันในเชิงธุรกิจ ดังนั้นการแข่งขันกันเพื่อให้ได้เปรียบในเรื่องการตลาดเพื่อมวลชนจึงเป็นสิ่งล้าสมัยเสียแล้ว

บริษัทต่าง ๆ หันกลับไปสู่การบริหารการเงินเมื่อต่างก็ต้องคิดว่าจะต้องลงทุนในการรณรงค์ทางการตลาด อย่างไร บริษัทที่ให้ความสำคัญทางการเงินมากกว่าการตลาด ก็จะเริ่มมองเห็นหุ้นของบริษัทมีราคาสูงขึ้น การบริหารการเงินจึงกลายเป็นโฉมหน้าการแข่งขันในยุคใหม่ อย่างไรก็ตาม การแข่งขันรูปแบบใหม่นี้ ไม่น่าจะอยู่ได้นานนัก เมื่อตลาดเต็มไปด้วยบุคลากรด้านการเงิน

ความเจริญก้าวหน้าทางอินเตอร์เน็ตได้ทำให้โลกเกิดความเปลี่ยนแปลง และเกิดผลกระทบต่อสถานภาพทางเศรษฐกิจและสังคมของประชาชน ชีวิตกลับกลายเป็นยุ่งยากซับซ้อนขึ้น บางคนเปลี่ยนงานได้ง่ายๆ จนเกิดปัญหาเรื่องความต่อเนื่องในการพัฒนาและการเติบโตของบริษัท กลายเป็นปัญหาใหญ่ที่บริษัททั้งหลายกำลังเผชิญอยู่ คือปัญหาความภักดีในองค์กรซึ่งนับวันจะต่ำลง เมื่องานหาง่าย คนก็เปลี่ยนงานบ่อย ผู้มาใหม่ต้องการเวลาที่จะปรับตัวก่อนจะสามารถทำอะไรให้กับบริษัท การแก้ปัญหานี้ ขึ้นอยู่กับศักยภาพในการพัฒนาและจัดการทรัพยากรมนุษย์ของแต่ละบริษัทเพื่อสร้างความจงรักภักดี ของพนักงานต่อบริษัท ดังนั้นแล้วในอนาคต ทรัพยากรมนุษย์จะกลายเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญขึ้นเรื่อย ๆ ของบริษัทที่ประสบความสำเร็จ
 
 

 


Copyright 2001 - Vichien Shnatepaporn, All Rights Reserved.
No part of this article may be reproduced, stored in a retrieval system, or transmitted in any form, or by any means, electronic, mechanical, photocopying, recording, or otherwise, without permission.