Super resume : การบริหารข้อมูลแห่งอนาคต
Super Resume นั้นเป็น Resume ที่มีความยาวเพียงหน้าเดียว ดังนั้นข้อมูลใน Super resume จึงเป็นข้อมูลที่เต็มไปด้วยประสิทธิภาพในการนำเสนอคุณสมบัติของผู้สมัคร และช่วยให้การคัดเลือกผู้สมัครมาเข้ารับการสัมภาษณ์ทำได้อย่างรวดเร็วขึ้น ข้อมูลที่ปรากฏอยู่ใน Super Resume นั้น เป็นข้อมูลที่มีรากฐานมาจากเกณฑ์ที่มีไม่เหมือนใคร คือ แรงบันดาลใจหรือ แรงขับสู่ความสำเร็จ, ความสามารถ และ ทัศนคติ Super Resume จะช่วยให้ผู้สมัครงานนำเสนอตนเองได้ดีกว่า Resume แบบดั้งเดิม และในขณะเดียวกันก็ยังช่วยให้ฝ่ายทรัพยากรบุคคลสามารถคัดสรรบุคลากรที่เหมาะสมเข้ามารับการสัมภาษณ์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

Super Resume จะแบ่งออกเป็นสองส่วนคือ : ส่วน Super resume ที่จะให้ข้อมูลในการเลือกสรรผู้สมัครเข้ามารับการสัมภาษณ์ และส่วน Super Resume Attachment หรือส่วนแนบ Super resume ที่จะช่วยผู้รับสมัครในช่วงการสัมภาษณ์เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ดีที่สุดสำหรับการตัดสินใจจ้างงาน
 

Super Resume สามารถจะนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับ แรงบันดาลใจ และแรงขับสู่ความสำเร็จของผู้สมัครได้ดีกว่าโดยผ่านข้อมูลด้าน: เป้าหมายในการทำงาน, สาขาอาชีพที่ต้องการ และบริษัทที่สนใจ ส่วนการนำเสนอความสามารถของผู้สมัคร เราจะมองเห็นได้โดยผ่านข้อมูลด้าน: จุดแข็งของผู้สมัคร, ความสนใจและงานอดิเรก และสุดท้ายคือการนำเสนอทัศนคติของผู้สมัคร ก็จะสามารถเห็นได้ผ่านข้อมูลด้าน ; จุดแข็งของผู้สมัคร, ความสนใจส่วนตัว, งานอดิเรก และ ความสัมพันธ์กันของการศึกษา กิจกรรม การทำงานพิเศษและประสบการณ์การทำงาน

Super Resume จะช่วยพัฒนาระบบการจ้างงาน โดยฝ่ายพัฒนาทรัพยากรมนุษย์จะสามารถประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการคัดสรรผู้สมัคร เพราะ Super Resume จะมีข้อมูลที่ครบถ้วนอยู่ในหน้าเดียว ผู้รับสมัครจึงไม่ต้องอ่านข้อมูลที่มากมายเกินพอดีอย่างที่ผ่านมา ลองนึกภาพ resume นับร้อยนับพันฉบับที่ต่างก็มีรูปแบบต่างๆ กัน หากเราไม่สามารถควบคุมข้อมูลให้จำกัดได้ กระบวนการคัดสรรของเราก็คงจะไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร นอกจากนั้นวิธีการใหม่ๆ ที่ช่วยนำเสนอ จุดแข็ง, ความสนใจและงานอดิเรก ของผู้สมัครจะช่วยให้ท่านสามารถคัดเลือกบุคคลที่เหมาะสมมาเข้ารับการสัมภาษณ์ด้วย

Super Resume เป็นหนทางการบริหารและพัฒนาข้อมูลวิธีใหม่สำหรับ Resume ในปัจจุบัน
1) โดยปกติ Resume ทั่วๆ ไปจะมีข้อมูลเพียงแค่ส่วนเดียว สำหรับใช้ในกระบวนการจ้างงานทั้งหมด แต่ Super Resume จะแบ่งข้อมูลออกเป็น 2 ส่วน สำหรับใช้ตอบสนองวัตถุประสงค์การจ้างงานที่ต่างกันคือ ก) ข้อมูลหลักใน Super Resume ที่ใช้ในการสมัครงาน และขั้นตอนการสัมภาษณ์ และ ข) ส่วน Super Resume Attachment ใช้สำหรับยื่นในขั้นตอนการตัดสินใจจ้างงาน Resume ทั่วๆ ไปจะให้ข้อมูลทั้งหมดมาในเวลาเดียวกันในรูปของ Resume ทั้งฉบับ ทำให้ข้อมูลมากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับขั้นตอนการคัดผู้สมัครมาสัมภาษณ์ Super Resume จึงได้รับการออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหานี้โดยการแบ่งข้อมูลออกเป็นสองส่วนดังกล่าว
 
2) ตัวเลือกที่ใช้ใน Super Resume เป็นวิธีการให้ตัวเลือกแบบใหม่ที่ใช้ในการตีความข้อมูล โดยปกติการให้ตัวเลือกจะเป็นวิธีการเพื่อหาคำตอบที่ถูกที่สุด เช่นที่เราพบในข้อสอบ เช่น พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศ ก) เหนือ หรือ ข) ใต้ หรือ ค) ตะวันออก หรือ ง) ตะวันตก หรือไม่ก็ใช้เพื่อช่วยในการตอบคำถามให้สะดวกขึ้น เช่นที่เรามักพบในการกรอกแบบฟอร์มต่างๆ เช่น ภาษาอังกฤษของคุณ ก) ดี ข) ปานกลาง ค) ไม่ดี นอกจากนี้ คำถามแบบตัวเลือกนั้น บางครั้งเรายังเลือกตอบได้มากกว่า 1 ตัวเลือก เช่น คุณชอบสีอะไร ก) สีเหลือง ข) สีแดง ค)สีเขียว ซึ่งเหตุผลหลักทั้งสองประการที่เราเห็นจากตัวอย่างทั้ง 3 ตัวอย่างข้างต้นนั้น คือการมองหาคำตอบที่ถูกที่สุดที่เราเลือก และไม่ได้มองถึงคำตอบที่ ไม่ได้เลือก ในขณะที่ Super resume นั้นนอกจากเราจะสามารถตีความจากข้อมูลที่ "ถูกเลือก" แล้ว ยังได้รับการออกแบบขึ้นมาเพื่อตีความข้อมูลที่ได้จากตัวเลือกที่ "ไม่ถูกเลือก" ด้วย Super Resume นั้นได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ตีความอีกด้านหนึ่งของเหรียญด้วย รายการตัวเลือกที่ครอบคลุมนั้นจึงเป็นประโยชน์ทั้งตัวเลือกที่ผู้สมัครเลือก และ ไม่ได้เลือก ดังตัวอย่างต่อไปนี้
ก)
ใน Super resume นั้นเราได้ให้ผู้สมัครเลือกตัวเลือกเพื่อแสดงจุดแข็งของตนเอง 5 ข้อ จากตัวเลือกทั้งสิ้น 74 ตัวเลือก ซึ่งก็น่าจะตีความได้ว่า ตัวเลือกที่เหลืออีก 69 ตัวเลือกนั้นเป็นจุดอ่อนของผู้สมัคร หรือเป็นคุณสมบัติที่ผู้สมัครไม่มี หากผู้สมัครเลือก 1) มนุษยสัมพันธ์ดี 2) บุคลิกดี 3) มีใจบริการ 4) มีจิตใจดี และ 5) อดทน แล้ว เขาหรือเธอผู้นั้นก็น่าจะเหมาะกับตำแหน่งพนักงานขายสินค้า การออกแบบตัวเลือกอย่างพิเศษนี้จะช่วยให้เราสามารถจำกัดขอบเขตการพิจารณาจุดแข็งของผู้สมัครได้ ทั้งยังช่วยให้เรามองเห็นว่า ตัวเลือกที่ไม่ได้เลือก เช่น ความสามารถในการวิเคราะห์ปัญหา, การจัดระบบระเบียบ, มีความคิดเชิงกลยุทธ์, มีความสามารถในการรับผิดชอบ เหล่านี้ถือว่าเป็นจุดอ่อนของผู้สมัคร ซึ่งจะทำให้เราตีความได้ว่า ผู้สมัครคนนั้นไม่น่าจะเหมาะกับตำแหน่งการบริหาร อย่างไรก็ตาม ฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ก็ไม่ควรจะตัดสินผู้สมัครในทันทีทันใด แต่จะสามารถสรุปผลได้จากการสัมภาษณ์ซึ่งจะได้พูดคุยโดยตรงกับผู้สมัคร
)
ตัวอย่างต่อมาอยู่ในส่วนของความสนใจและงานอดิเรก ตัวเลือกต่างๆ ได้รับการออกแบบมาเพื่อหาคำตอบที่ผู้สมัครเลือกและในขณะเดียวกัน ตัวเลือกต่างๆ ก็ออกแบบขอบเขตของความสนใจและงานอดิเรกที่ใช้นำมาพิจารณาด้วย ดังนั้นวัตถุประสงค์ก็ยังเพื่อให้เราสามารถตีความจากตัวเลือกที่ผู้สมัครไม่ได้เลือกด้วย เช่นหากผู้สมัครเลือกการว่ายน้ำเป็นตัวเลือกเดียวที่เป็นความสนใจ และงานอดิเรก เราก็น่าจะพอเห็นว่าเขาหรือเธอผู้นั้นได้ดูตัวเลือกทั้งหมดแล้ว และไม่เลือกตัวเลือกอื่นใด ซึ่งทำให้เราสามารถจำกัดขอบเขตของการเลือกและไม่เลือกได้ เรายังอาจสามารถตีความต่อไปได้ว่าผู้สมัครนั้นอาจไม่ค่อยนิยมการทำงานเป็นทีม เช่นการเล่นบาสเกตบอล ฟุตบอล วอลเลย์บอล หรือมิเช่นนั้น ผู้สมัครคนนั้นอาจไม่นิยมการทำกิจกรรมที่ท้าทายความสามารถ จึงไม่ได้เลือกกิจกรรมกลางแจ้งเช่น ดำน้ำ แล่นเรือใบ หรือ ขี่จักรยานภูเขา ฝ่ายทรัพยากรบุคคลจึงมีข้อมูลที่จะตั้งคำถามมากขึ้น และสามารถตรวจสอบข้อมูลเหล่านั้นได้จากผู้สมัครเมื่อถึงขั้นตอนการสัมภาษณ์

3) การจำกัดข้อมูลถือเป็นวิธีหนึ่งในการบริหารข้อมูล ที่ผ่านมายังไม่ค่อยมีการจำกัดข้อมูลใน ดิจิตอล Resume ทั่วๆ ไป จริงๆ แล้วการให้ข้อมูลก็เหมือนกับสูตรการทำอาหาร จานที่อร่อยก็จะต้องใส่เครื่องปรุงให้พอดี ไม่มากไป หรือน้อยเกินไป มิเช่นนั้นก็คงจะออกมาไม่อร่อย ดังนั้นใน Super Resume ที่มีข้อจำกัดว่าข้อมูลจะอยู่ภายในหน้าเดียว จึงทำให้ต้องมีการจำกัดข้อมูลตามไปด้วย Super Resume จะไม่ให้มีการใส่ข้อมูลทางการศึกษามากกว่า 2 ลำดับสุดท้าย ไม่ให้มีการแสดงข้อมูลการทำกิจกรรมในโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย มากกว่า 1 รายการ ไม่ให้แสดงข้อมูลการทำงานพิเศษมากกว่า 2 รายการ ไม่ให้แสดงข้อมูลการทำงานในอดีตมากกว่า 2 รายการ ไม่ให้มีบุคคลอ้างถึงเกินกว่า 2 คน ไม่ให้ผู้สมัครเลือกจุดแข็งของตนมากกว่าหรือน้อยกว่า 5 รายการ ไม่ให้ระบุสิ่งที่สนใจหรืองานอดิเรกมากกว่า 5 รายการ และไม่อนุญาตให้พิมพ์ข้อความในส่วนข้อมูลเพิ่มเติมเกินกว่า 255 ตัวอักษร

4) การจัดลำดับข้อมูลก็ถือเป็นสิ่งสำคัญในการบริหารข้อมูล และในหลายๆ ส่วนของ Super Resume นั้น วิธีการจัดลำดับได้ถือเป็นสิ่งที่พัฒนาคุณภาพของข้อมูลได้เป็นอย่างดี ตัวอย่างเช่นการจัดลำดับจุดแข็ง, การจัดลำดับความสนใจและงานอดิเรก, การจัดลำดับสายอาชีพที่สนใจ, และ การจัดลำดับบริษัทที่สนใจ เป็นต้น

 
 

 


Copyright 2001 - Vichien Shnatepaporn, All Rights Reserved.
No part of this article may be reproduced, stored in a retrieval system, or transmitted in any form, or by any means, electronic, mechanical, photocopying, recording, or otherwise, without permission.